สมเด็จพระสุริโยทัยทรงเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระมหากษัตริย์ไทยสมัยอยุธยา
พระองค์ทรงเป็นวีรสตรีที่กล้าหาญในการที่ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อปกป้องสมเก็จพระมหาจักรพรรดิขณะทำยุทธหัตถีกับข้าศึก
เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงปลอดภัยจากสงครามทำให้ขวัญกำลังใจของบรรดาไพร่พลยังคงมีอยู่พรองที่จะรักษาพระนครต่อไป
บทบาทของสมเด็จพระสุริโยทัยได้กลายเป็นแบบอย่างของสตรีไทยและคนไทยทั่วไปที่จะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อแผ่นดินและสถาบันพระมหากษัตริย์
Striking Guitar !
บร็อคเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิขา Independent Study (IS)
บันทึกกรุงศรีอยุธยา
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556
กีตาร์จิ๋ว จากเกาะสวรรค์
หนังสือความเรียงเล่มเล็กที่ผม(ด้านซ้าย)จัดทำขึ้นเองในวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ(Comunication and Presentation) นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของ อูคูเลเล่ เครื่องดนตรีอีกชนิดหนึ่งที่ผมรักครับ
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ประเภทของกีต้าร์
กีตาร์คลาสสิค (Classic Guitar) กีตาร์คลาสสิคถือว่าเป็นต้นกำเนิดของกีต้าร์ในปัจจุบัน มีลักษณะดังนี้ - ส่วนหัว (Head) เป็นไม้มีรูเจาะเป็นช่องยาว 2 ช่อง มีแกนสำหรับใส่สายกีตาร์ เมื่อวางกีตาร์ในแนวนอน ลูกบิดจะตั้งฉากกับพื้น - ส่วนคอ (Neck) จะใหญ่กว่ากีตาร์ชนิดอื่น จำนวนเฟร็ต 12 เฟร็ต - ลำตัว (Body) มีลักษณะเรียบด้านหน้า มีรูกลมเป็นกล่องเสียงอยู่ต่อจากด้านล่างสุดของคอ ส่วนด้านล่างของโพรงเสียงจะมีบริดจ์ (Bridse) ที่ยึดสายกีตาร์ไว้กับลำตัวด้านหน้า ข้อสังเกต กีต้าร์คลาาสสิคโดยมากจะใช้สายไนลอน สายเบส(4,5,6) จะเป็นสายที่พันด้วยเส้นโลหะเล็กๆ เช่น ทองแดง บรอนส์ ฯลฯ กีตาร์คลาสสิคเป็นกีต้าร์ที่ให้เสียงที่พริ้วไหวไพเราะมาก แต่ในการเล่น ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้ทฤษฎีอย่างมาก ซึ่งต้องใช้เวลามากในการฝึก
2. กีตาร์โฟล์ค หรือกีตาร์คูสติค ( Folk Guitar or Acoustic Guitar ) ลักษณะกีตาร์ ์โฟล์ค - ส่วนหัว มีลูกบิดที่แกนหมุนโดยมากทำมาจากโลหะ เมื่อวางกีตาร์ในแนวนอนลูกบิดจะขนานไปกับพื้น - ส่วนคอ จะมีขนาดค่อนค่างเล็ก ด้านหลังคอจะโค้งมน นับเฟร็ตจนถึงคอมี 14 เฟร็ต - ลำตัว มีลักษณะค่อนข้างแบน สายที่ใช้จะเป็นสายเหล็กวางชิดกันกว่ากีตาร์คลาสสิค โดยมากกีต้าร์โฟล์คจะให้เสียงที่ใสบาง เราสามารถพบกับเสียงของกีตารโฟล์คได้ในทุกแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็น คันทรี บลูส์ หรือแม้แต่ เฮฟวี่ การฝึกนั้นทำได้ไม่ยากมากนักจึงทำให้กีตาร์โฟล์คเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
กีตาร์ไฟฟ้า (Electric Guitar) คือ กีตาร์ ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มักเรียกว่า ทำหน้าที่แปลงการสั่นของสายกีตาร์ให้ กลายเป็นสัญญาณอิเล็คทรอนิคส์ ส่งผ่านสายสัญญาณ (Cable) ไปยังเครื่องขยายสัญญาณ (แอมปลิฟายเออร์ และออกสู่ลำโพงในที่สุดกีตาร์ไฟฟ้ามีความแตกต่างจากกีต้าร์โปร่ง(Acoustic Guitar) และ กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า (Acoustic Electric Guitar) ตรงที่ลำตัวของกีตาร์ไฟฟ้าโดยส่วนมากจะไม่มีโพรงเสียง หรืออาจเรียกว่า "ลำตัวตัน" (Solid Body) อย่างไรก็ดี กีตาร์ไฟฟ้าอาจหมายรวมถึง กีตาร์ที่มีโพรงเสียงบางประเภทที่มีการติดตั้ง Pick Up (Hollow Body Guitarซึ่งนิยมใช้เล่นในแนวดนตรีประเภทแจ๊ส หรือ บลูส์ ปัจจุบันนิยมนำสัญญาณเสียงที่ได้จาก กีตาร์ไฟฟ้ามาดัดแปลงผ่านอุปกรณ์ดัดแปลงสัญญาณ Guitar Effect ก่อนเข้าสู่เครื่องขยายสัญญาณ เพื่อให้ได้ ลักษณะเสียงที่มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นจากกีตาร์ตัวเดียวกีตาร์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมแพร่หลาย และใช้เล่น กันในแทบทุกประเภทดนตรี เนื่องจากความสะดวกในการใช้งานและการปรับแต่งเสียงกีตาร์ไฟฟ้าผลิตออกมา ในหลายระดับคุณภาพและราคา
ทีมา http://www.dsc.ac.th/inweb/student_job/music/guitarkind.htm
2. กีตาร์โฟล์ค หรือกีตาร์คูสติค ( Folk Guitar or Acoustic Guitar ) ลักษณะกีตาร์ ์โฟล์ค - ส่วนหัว มีลูกบิดที่แกนหมุนโดยมากทำมาจากโลหะ เมื่อวางกีตาร์ในแนวนอนลูกบิดจะขนานไปกับพื้น - ส่วนคอ จะมีขนาดค่อนค่างเล็ก ด้านหลังคอจะโค้งมน นับเฟร็ตจนถึงคอมี 14 เฟร็ต - ลำตัว มีลักษณะค่อนข้างแบน สายที่ใช้จะเป็นสายเหล็กวางชิดกันกว่ากีตาร์คลาสสิค โดยมากกีต้าร์โฟล์คจะให้เสียงที่ใสบาง เราสามารถพบกับเสียงของกีตารโฟล์คได้ในทุกแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็น คันทรี บลูส์ หรือแม้แต่ เฮฟวี่ การฝึกนั้นทำได้ไม่ยากมากนักจึงทำให้กีตาร์โฟล์คเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
กีตาร์ไฟฟ้า (Electric Guitar) คือ กีตาร์ ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มักเรียกว่า ทำหน้าที่แปลงการสั่นของสายกีตาร์ให้ กลายเป็นสัญญาณอิเล็คทรอนิคส์ ส่งผ่านสายสัญญาณ (Cable) ไปยังเครื่องขยายสัญญาณ (แอมปลิฟายเออร์ และออกสู่ลำโพงในที่สุดกีตาร์ไฟฟ้ามีความแตกต่างจากกีต้าร์โปร่ง(Acoustic Guitar) และ กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า (Acoustic Electric Guitar) ตรงที่ลำตัวของกีตาร์ไฟฟ้าโดยส่วนมากจะไม่มีโพรงเสียง หรืออาจเรียกว่า "ลำตัวตัน" (Solid Body) อย่างไรก็ดี กีตาร์ไฟฟ้าอาจหมายรวมถึง กีตาร์ที่มีโพรงเสียงบางประเภทที่มีการติดตั้ง Pick Up (Hollow Body Guitarซึ่งนิยมใช้เล่นในแนวดนตรีประเภทแจ๊ส หรือ บลูส์ ปัจจุบันนิยมนำสัญญาณเสียงที่ได้จาก กีตาร์ไฟฟ้ามาดัดแปลงผ่านอุปกรณ์ดัดแปลงสัญญาณ Guitar Effect ก่อนเข้าสู่เครื่องขยายสัญญาณ เพื่อให้ได้ ลักษณะเสียงที่มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นจากกีตาร์ตัวเดียวกีตาร์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมแพร่หลาย และใช้เล่น กันในแทบทุกประเภทดนตรี เนื่องจากความสะดวกในการใช้งานและการปรับแต่งเสียงกีตาร์ไฟฟ้าผลิตออกมา ในหลายระดับคุณภาพและราคา
ทีมา http://www.dsc.ac.th/inweb/student_job/music/guitarkind.htm
คลิปผมเล่นกีต้าร์ครับ
คลิปผมเล่นกีต้าร์อาจเล่นไม่เก่ง แต่รักที่จะเล่นมากครับ ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/FanpageNiyomchop นะครับ
วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วีธการเล่นกีต้าร์ การตั้งสายเบื้องต้น
การเล่นกีตาร์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย จะต้องทำใจอย่างนึงครับ คือ ระหว่างที่ฝึกใหม่ ๆ ปลายนิ้วมือเราจะเจ็บมาก ถึงขั้นหนังลอกออกเห็นเนื้อแดง ๆ เลยล่ะครับ ผมก็มีวิธีที่ลดความเจ็บปวดให้น้อยลงคือ พอนิ้วเริ่มเจ็บจนจะทนไม่ได้แล้ว ก็หยุดเล่นหยุดฝึกไปก่อน จนกว่านิ้วจะหาย ถ้าขืนยังฝืนเล่นต่อไป มีหวังหนังปลายนิ้วลอกออก จนเห็นเนื้อแดง ๆ เนี่ย จะไม่ได้เล่นอีกหลายวันเลยนะครับ
อีกอย่างที่สำคัญก็คือ การวางกีตาร์ การวางนิ้ว ข้อมือ ข้อศอก ตรงนี้ก็สำคัญครับ จับกีตาร์ใหม่ ๆ เอ๊ะ ทำไมเสียงมันบอด นั่นก็เพราะว่า เรายังไม่คุ้นเคย กับกีตาร์ ยังไม่คุ้นเคยกับการวางนิ้ว กางข้อศอก บิดข้อมือ นั่นเองครับ วิธีง่าย ๆ ก็คือ ขยับทั้ง 3 จุดนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะเจอจุดที่เราถนัด ซึ่งทุก ๆ คน จะมีจุดที่ถนัดแตกต่างกันไปครับ หากเราทำสำเร็จ ผลที่ตามมาก็คือ เสียงคอร์ดกีตาร์ที่เราดีดนั้น จะไม่บอดครับ แต่แรก ๆ อาจจะยังบอดอยู่บ้างบางเสียง ก็ไม่เป็นไร ฝึกจนกว่าจะไม่บอดเลย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพบว่า ทุก ๆ จุดของการฝึกดนตรี มีปัญหาทั้งนั้น ถ้าเสียงไม่บอด ก็เมื่อยมือ ถ้าไม่เมื่อยมือ ก็เจ็บนิ้ว เป็นต้น ผมจึงอยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า อดทนนะครับ แรก ๆ มันโคตรอึดอัด อยากจะเลิกฝึกเลยล่ะครับ แต่ถ้าเราอดทนผ่านช่วงวิกฤติ ช่วงนี้ไปได้ (หมายถึงช่วงเจ็บนิ้ว ช่วงเสียงบอด) เราจะสนุกกับมันจนไม่อยากวางเลยล่ะครับ...
สิ่งที่เราต้องรู้อีกสิ่งหนึ่งก็คือ ต้องรู้จักกับสายกีตาร์ก่อนว่า มีกี่สาย ตั้งเสียงอย่างไรให้เป็นมาตรฐาน ไม่งั้น ก็จะเล่นไม่ได้อ่ะครับ วิธีจำง่าย ๆ ก็คือ ให้เอากีตาร์มาวางบนตัก เหมือนกับเรากำลังจะเล่นกีตาร์ แล้วมองไปที่ สายกีตาร์ จะเห็นว่ามี 6 สาย มีทั้ง สายเล็ก ๆ และสายใหญ่ ๆ ส่วนมากเขาจะเรียงสายดังนี้ครับ สายเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านล่างสุด เสียงแหลม ๆ เขาจะเรียกเป็นสาย 1 ส่วนสายบนสุด ใหญ่ ๆ หนา ๆ เสียงทุ้ม ๆ เขาจะเรียกเป็นสาย 6 ครับ ซึ่งแต่ละสาย จะต้องมีเสียงประจำตัวของมันนะครับ
เพื่อน ๆ เคยได้ยินคำว่า โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด มาแล้ว ในการฝึกเครื่องดนตรี เรามักนิยมฝึกตามตัวอักษรภาษาอังกฤษครับ ซึ่งโน๊ตตัวโด ก็จะแทนด้วยอักษร C ครับ ผมจะไล่ตัวอักษรดังนี้ครับ C D E F G A B C
C = โด D = เร E = มี F = ฟา G = ซอล A = ลา B = ที C = โด
จะเห็นว่า มี C ถึง 2 ตัวเลย จริง ๆ แล้ว มันมีหลายตัวเลยล่ะครับ ลองนึกถึงลิ่มเปียโน ตรงที่เวลาเขาเล่น เขาต้องกด ๆ มันเพื่อให้มีเสียงออกมาครับ ลิ่มเปียโนเหล่านี้ มีมากมายเหลือเกิน ใหม่ ๆ เราจะไม่รู้เลยว่า ตัวไหน โน๊ตอะไรกันแน่ ให้เพื่อน ๆ ลองไปสังเกตดูนะครับ มันจะมีลิ่มสีดำ อยู่ด้านบน ลิ่มสีขาว อยู่ด้านล่าง ลิ่มสีดำ จะมีที่ติดกัน 2 ลิ่ม กับ 3 ลิ่ม การดูว่า ลิ่มไหนโน๊ตตัว C ให้ดู ลิ่มดำที่ติดกัน 2 ลิ่มครับ ลิ่มขาว ๆ ก่อนลิ่มดำ 2 ลิ่ม นั่นคือ โน๊ตตัว C นั่นเอง ครับ แล้วมันก็จะมีลิ่ม แบบนี้ หลายจุดเลยทีเดียว ก็เท่ากับว่า มีโน๊ตตัว C หลายตัว ถ้าเพื่อน ๆ ลองกดฟังเสียงดู ก็จะพบว่า มีทั้ง เสียงต่ำ ๆ ทุ้ม ๆ ไปจนถึง เสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า C ต่ำ C สูง ครับ ในหลักการของดนตรี จำเป็นต้องมีทั้งเสียงต่ำ และเสียงสูง เพราะว่า มันจะทำให้เกิดมิติ ของเสียงนั่นเองครับ (เริ่มงง) เอาเป็นว่า กลับมาที่กีตาร์กันต่อดีกว่า เรื่องของสายกีตาร์ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีต่ออีกนิดหน่อยครับ นั่นคือ เราจะตั้งสาย ยังไงอ่ะ ให้ตั้งตามโน๊ต ดังนี้ครับ
สาย 1 = E สาย 2 = B สาย 3 = G สาย 4 = D สาย 5 = A สาย 6 = E
เพื่อน ๆ อาจมีคำถามว่า แล้วจะตั้งสายกับอะไรล่ะ คำตอบก็คือ ตั้งกับลิ่มเปียโนครับ หรือตั้งกับเครื่องตั้งสาย หรือตั้งกับโปรแกรมตั้งสายใน คอมพิวเตอร์ แต่ถ้าเราไม่มี 3 อย่างนี้เลยล่ะ ก็ตั้งไม่ได้เหรอ คำตอบคือ ตั้งได้ครับ แต่จะไม่ตรงกับระดับเสียงของโน๊ตที่แท้จริง (เมื่อก่อน ผมก็ตั้งสายเอง โดยไม่ได้อาศัยเครื่องมืออะไรเลย แต่ถ้าจะต้องเล่นดนตรีเป็นวงแล้วล่ะก้อ ต้องตั้งเสียงให้ตรงกันทั้งวงครับ ไม่อย่างนั้น ไม่เป็นเพลงครับ) การตั้งสายเองโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือใด ๆ มีวิธีดังนี้ครับ (วิธี ที่ผมใช้ประจำ)
1. ตั้งสาย 1 ก่อน ให้พอตึง ๆ อย่าตึงมากนะครับ เดี๋ยวสายขาด
2. เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ 5 ของสาย 2 แล้วดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 1 ครับ ให้เราหมุนสาย 2 จนกว่า เสียงที่เรากดในช่องที่ 5 จะเท่ากับสาย 1
3. เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ 4 สาย 3 เน้นนะครับ ช่องที่ 4 สาย 3 แล้วดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 2 แล้วก็หมุนสาย 3 จนกว่าเสียงจะเท่ากับสาย 2
4. เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ 5 สาย 4 ดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 3 แล้วตั้งสายเหมือน ข้อ 2. และ 3.
5. สาย 5 และ สาย 6 ทำวิธีเดียวกันกับ ข้อ 4 ครับ
สรุปก็คือ มีเฉพาะสาย 3 เท่านั้น ที่ต้องกด ที่ช่อง 4 เพื่อเทียบเสียง นอกนั้น กด ช่อง 5 หมดเลยครับ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะตั้งให้ตรงกับเสียงมาตรฐานล่ะก้อ ต้องซื้อเครื่องตั้งสายครับ ตัวนึงก็หลักพัน หรือเสาะหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับการตั้งสายมาใช้ก็ได้ครับ (พวก cakewalk ก็มีครับ ในส่วนของ tuner ครับ ซึ่งผมจะอธิบายเรื่องนี้อีกทีในเรื่องการใช้โปรแกรมทำงานดนตรีครับ (เพราะฉะนั้น ถ้าเล่นคนเีดียว ไม่ได้ไปเล่นกับใครที่ไหน ก็สามารถตั้งสาย ตามที่ผมแนะนำก่อนก็ได้ครับ แต่ถ้าเกิดจะเล่นกับเพื่อน ก็เอาเครื่องดนตรีของเรา ตั้งเสียงให้ตรงกับของเพื่อน ครับ)
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=74662
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=74662
วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ประวัติความเป็นมาของกีต้าร์
เครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกีตาร์เป็นที่นิยมมามากกว่า 5,000 ปี แล้วนะค่ะโดยเริ่มเป็นที่นิยมในแถบเอเชียกลาง เรียกว่า ซิตาร่า (Sitara) เป็นเครื่องดนตรีที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับกีตาร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบมีอายุ 3,300 ปี เป็นหินสลักของกวีอาณาจักรโบราณฮิตไตต์ ค่ะ
คำว่า กีตาร์ มีที่มาจากภาษาสเปน คำว่า guitarra ซึ่งมีที่มาจากภาษากรีก อีกทีคือคำว่า Kithara kithara จากหลายแหล่งที่มาทำให้คำว่ากีตาร์น่าจะมีรากศัพท์มาจากภาษาตระกูลอินโดยูโรเปียน guit- คล้ายกับภาษาสันสกฤต ที่แปลว่า ดนตรี และ -tar หมายถึง คอร์ด หรือ สาย
คำว่า qitara เป็นภาษาอาราบิก ใช้เรียก Lute lute ส่วนคำว่า guitarra เกิดขึ้นเมื่อเครื่องดนตรี
ชนิดนี้ถูกนำมาที่ Iberia (หรือ Iberian Peninsular เป็นคาบสมุทรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในทวีปยุโรป) โดย Moors
กีตาร์ในยุคปัจจุบันมีที่มาจากเครื่องดนตรีที่เรียกว่า cithara ของชาวโรมัน ซึ่งมีการนำเข้าไปแพร่หลายในอาณาจักรฮิสปาเนีย หรือสเปนโบราณ เมื่อประมาณ ค.ศ. 40 จากนั้นเปลี่ยนแปลงรูปแบบจนกลายมาเป็นเครื่องดนตรีที่มี 4 สาย เรียกว่า อู๊ด (oud) นำเข้ามาโดยชาวมัวร์ในยุคที่เข้ามาครอบครองคาบสมุทรไอบีเรียน ในช่วงศตวรรษที่ 8 ส่วนในยุโรปมีเครื่องดนตรีที่เรียกว่า ลุต (lute) ของชาวสแกนดิเนเวียมี 6 สาย ในสมัย ค.ศ. 800 เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวไวกิ้ง
ค.ศ. 1200 กีตาร์ 4 สาย จะมี 2 ประเภท คือ กีตาร่า มอ ริสกา หรือกีตาร์ของชาวมัวร์ มีลักษณะกลม ตัวคอกว้าง มีหลายรู กับ กีตาร่า ลาติน่า ซึ่งรูปร่างคล้ายกับกีตาร์ในปัจจุบัน คือ
มีรูเดียวและคอแคบ ในศตวรรษที่ 16 เครื่องดนตรีคล้ายกับกีตาร์ของชาวสเปน ที่เรียกว่า วิฮูเอล่า เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกีตาร์ในปัจจุบัน ที่มีความผสมผสานระหว่างเครื่องดนตรีอู๊ดของชาวอาหรับและลูตของยุโรป แต่ได้รับความนิยมในช่วงสั้น ๆ จะพบเห็นจนถึงปี ค.ศ. 1576
เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับกีตาร์ในปัจจุบัน เกิดขิ้นในช่วงยุคปลายของสมัยกลางหรือยุคต้นสมัยเรอเนสซอง (500 กว่าปีที่แล้ว) เป็นช่วงที่มีการใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายกันทั่วโลก ในยุคนั้นกีตาร์มีทั้งแบบ 4 และ 5 สาย สำหรับกีตาร์ที่มี 6 สาย ระบุว่ามีขึ้นในปี ค.ศ. 1779 เป็นผลงานของนายแกตาโน วินาซเซีย (Gaetano Vinaccia) ในเมืองเนเปิล อิตาลี แต่ก็ถกเถียงกันว่าอาจเป็นของปลอมสำหรับตระกูลวินาซเซียมีชื่อเสียงในการผลิตแมนโดลินมาก่อน
กีตาร์ไฟฟ้าตัวแรกเริ่มผลิตขึ้นในศตวรรษที่ 20 โดยจอร์จ โบแชมป์ (George Beauchamp) ได้รับสิทธิบัตรในปี 1936 และร่วมกับ ริกเค่นแบ็กเกอร์ (Rickenbacker) ตั้งบริษัท Electro String Instrument ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าในช่วงปลายปีทศวรรษที่ 1930 ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1960 จอห์น เลนนอน สมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์ใช้กีตาร์ยี่ห้อนี้ ส่งผลให้เครื่องดนตรียี่ห้อนี้มีชื่อเสียงในกลุ่มนักดนตรีในยุคนั้น และในปัจจุบันบริษัทริกเค่นแบ็กเกอร์ เป็นบริษัทผลิตกีตาร์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)